วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

เดี๋ยวนี้เขา(พระเก๊)ก็มีอ็อฟชั่นนะ

เอาล่ะครับ วันนี้พอมีเวลาหน่อยก็จะเปิดตัว บล็อกที่สองกันซะเลยครับ แต่ว่ายังไม่ใช่เรื่องหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูงดังที่ได้ตั้งใจไว้ในคราวแรก ด้วยเหตุที่ผู้เขียนตระหนักว่าประเด็นที่จะบอกกล่าวนี้มีความสำคัญกว่าสักหน่อยนึงก็เลยยกมาพูดก่อน ในวันนี้จะมาพูดเรื่องพระเครื่องและเครื่องรางฯกับอ็อฟชั่นเสริม หรือพระที่จำหน่ายพร้อมกล่องที่แสดงว่าผู้ขายได้ผ่านการส่ง “ของ” นั้นเข้าประกวดพระมาแล้ว คืองี้ครับ..ระยะหลังๆมานี่ผมเห็นว่ามีผู้ขายหลายรายทั้งในเว็บและแผงพระทั่วไปที่จะขายพระ(หรือเครื่องรางฯ)ที่อยู่ในกล่องซึ่งแสดงว่าพระองค์นั้นได้เคยส่งเข้าประกวดงานนั้นงานนี้ อยู่บ่อยครั้ง ปริศนาที่ค้างคาใจที่ต้องมาเล่าแจ้งแถลงขัยเม้ามอยด์กันในวันนี้ก็คือ พระบางองค์หรือเครื่องรางฯบางชิ้นนั้นเพียงแค่ดูด้วยตาเปล่าๆแล้วก็เห็นว่าไม่แท้ตามมาตรฐานสากลเอาเสียเลย ผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรแต่แบบว่าของที่กล่าวถึงนั้นบางอย่างเก๊ดูง่ายอย่างน่าเกลียดด้วยซ้ำไปแต่ก็มาพร้อมกล่องง่ะ กระท้อนหวานจะเล่าถึงที่มาที่ไปให้ท่านฟังเป็นสองกรณีครับ

กรณีแรก(อันนี้สั้นหน่อยแต่ชัดถ้อยชัดความอย่างมากเลยทีเดียว) คือผู้ขายโกหกหลอกต้มลูกค้าหน้าด้านๆเลย คือไปซื้อกล่องที่มีหน้าตาเหมือนกับที่ใช้ในงานประกวดพระทั่วไปเอามาใส่ เขียนรายการจากหนังสืองานประกวดงานใดงานหนึ่งใส่เข้าไป เอาปากกาไฮไลท์สีๆขีดหน้ากล่องสักปื๊ดสองปื๊ดก็ถือว่าใช้ได้ แล้วก็เอามาขายบอกว่าแท้ กรรมการฯรับเข้าประกวดแล้วแต่ไม่ติดรางวัล อันนี้คือแบบพื้นๆลูกทุ่งๆ ที่เด็ดกว่านั้นก็มีครับ ซื้อโบว์มาติดให้ด้วยเลยครับ มันมีขายนะครับ ทำเป็นเล่นไป ผมเคยเห็นมากะตาแล้วในสนามพระใหญ่ๆพ่อค้าถามเลยจะเอาที่เท่าไหร่ล่ะ 1 2 3 4 มีหมด แต่ตอนขายพระก็โกหกอีกหน่อยว่าใบประกาศหาย หาไม่เจอ ไม่ได้เอามาด้วย หรือเจ้าของฝากขายแต่ใบเจ้าของขอเก็บไว้ดูไม่ได้ให้มาแต่แท้แน่นอน พ่อตาตาย แม่ยายป่วย นายกฯสั่งห้ามไว้ เมื่อคืนเสียไฮโล บรา บรา บรา อ้างไปสารพัด
และสุดท้ายแบบที่เรียกว่า “ที่สุดของแจ้” คือมีมาให้หมด ฟูลอ๊อฟชั่นเลยครับ กล่อง โบว์ ใบประกาศที่ติดรูปพระองค์นั้นด้วย ที่เด็ดๆก็ปลอมมันเสียให้หมด.. ใบประกาศก็มาจากการตกแต่งด้วยคอมพิวเตอร์กันนั่นเลยเชียว อันนี้น่าเสียวไส้ยิ่ง หรือแบบเด็กๆก็จะเป็นใบประกาศที่มีรูปแบบในลักษณะที่ทำมาเหมือนกับออกไว้ให้เมื่องานประกวดครั้งพระเจ้าเหา คือย้อนไปอย่างน้อยก็ 20 – 30 ปีที่แล้ว ข้อความในใบประกาศยนียบัตรก็พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นแมนน่วลต๊อกแต๊ก แพ็คเกจที่ว่าอย่างหลังนี่ผมเคยเจอในสนามพระแถวๆท่าพระจันทร์จนถึงวัดราชนัดดาครับ ทุกวันนี้ไปดูน่าจะยังมีให้เห็นอยู่ครับ



กรณีที่สอง อันนี้พอมีให้อ่านในเว็บต่างๆเช่นกันว่าพระที่ผ่านการรับเข้างานประกวดไม่ได้แท้ทุกองค์ จะขีดเส้นขีดสายด้วยปากกาไฮไลท์ออกมาหรือไม่นั้น ไม่ใช่เครื่องการันตีความเก๊แท้ของพระองค์นั้นครับ นอกจากงานนั้นจะมีการระบุว่าพระแท้หรือไม่แท้ให้ด้วยคือจะมีสติ๊กเกอร์ติดออกมาให้พระทุกองค์(กล่อง) ที่กรรมการรับเข้าไปครับว่า “แท้” หรือ “ไม่แท้” ซึ่งงานอย่างนี้ผมว่าหายากแฮะ หรือกรรมการบางท่านๆกรุณาเขียนหน้ากล่องออกมาให้ด้วยเลยว่า “แท้” อย่างนี้คนส่งพระประกวดถึงไม่ติดรางวัลก็ยังยิ้มได้นะผมว่า แต่คราวนี้มันก็มีคำถามสิครับว่า พระไม่แท้แล้วรับเข้าไปประกวดกับชาวบ้านเขาทำไม ? เอ่อ..ก็น่านน่ะสิ ไม่แท้แล้วรับทำไมนะ ผมขอเล่าตามที่เคยได้เห็นมาบ้างอย่างนี้ครับ คนที่สงสัยในคำถามนี้คงเคยไปเดินในงานประกวดพระกันมาบ้าง แล้วเคยได้ยินไหมครับเวลาที่โฆษกประกาศเรียกหากรรมการรับพระโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ แล้วทำไมเขาต้องประกาศครับ แฮ่ๆ ก็เพราะกรรมการไม่อยู่โต๊ะน่ะซี้ อิ อิ เหล่ากรรมการทั้งหลายก็เป็นนักเล่น-ซื้อขายกับเขาเหมือนกันนี่นา เขาก็อยากไปเดินหาซื้อของฟลุ๊กของหลงกันบ้าง แล้วคนที่เก่งๆอย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องพึ่งตาคนอื่นครับ บินเดี่ยวหาเก็บของได้สบาย จะกลับเข้าโซนประกวดก็ตอนตัดสินนั่นล่ะ เอ๊ะถ้ากรรมการไม่อยู่โต๊ะรับพระแล้วใครอยู่กันบ้างครับเห็นคนอยู่กันเป็นโขยง ก็ต้องเป็นหน้าที่ของ “เด็กปั้น” น่ะสิครับ ลูกศิษย์ก้นกุฏิบ้าง ลูกหลานบ้างแล้วแต่จะหากันมา แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป กรรมการบางท่านก็มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่น่านับถือยิ่ง อย่างอาจารย์อ้าสุพรรณนี่ท่านขยันมาก ถึงอายุจะมากแล้วและเป็นเซียนใหญ่แต่ท่านก็ยังมาช่วยรับพระอย่างไม่เห็นแก่ความลำบากเลย ผมสังเกตุดูเวลาอาจารย์มานั่งรับพระ โต๊ะเบญจภาคีคนส่งพระประกวดทั้งหลายจะ “กระเหี้ยนกระหือรือ” อย่างหนักหน่วง กล่าวคือจะรีบส่งพระให้อาจารย์ช่วยดูกันมากขนาดรีบวิ่งเข้ามาต่อแถวกันเลย เพราะอาจารย์ได้พิสูจน์ตนเองมาอย่างยาวนานแล้วว่าสมควรเป็นผู้ได้รับความเชื่อถืออย่างแท้จริง เวลาท่านส่งพระคืนใครผมไม่เคยเห็นมีคนโวยวายหรือถกเถียงอาจารย์เลย ยอมรับนับถือกันถ้วนหน้า เดินยิ้มๆกันออกมาบ่นกับเพื่อนว่า “ตูว่าแล้ว องค์นี้ดูแปลกๆ” อ้าวว่าไปโน่น ออกนอกประเด็นไปหน่อย กลับมาที่เรื่องกรรมการรับพระที่บางทีบางคนก็ยังประสบการณ์น้อยแต่เป็นเด็กปั้นของเหล่าเซียนสายตาคมอีกทอดหนึ่ง การคัดแยกบางทีก็มีผิดพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา
อีกกรณีหนึ่งคือ คนรับก็ไม่อยากถกเถียงกับ “คนส่งพระประกวด” บางทีก็รับเข้าไปทั้งที่รู้นั่นแหละว่าพระไม่แท้ ผมเคยได้ยินกรรมการซึ่งเป็นเซียนใหญ่ท่านหนึ่งพูดกับคนส่งพระประกวดว่า “เอ้า!!! เดี๋ยวรับเข้าไปก่อน แล้วข้างในได้ช่วยๆกันดูหลายๆตาอีกทีนะ” ทั้งที่รายการนั้นผมได้ดูแล้วก็ว่าฝีมือยังทำได้ยังไม่แนบเนียนเสียทีเดียวมีจุดไม่แท้ให้ชี้ขาดเพียบ (เผอิญเป็นรายการที่ผมเล่นหาอยู่และเคยได้เห็นๆอยู่บ้าง)
ถัดมาเป็นกรณีที่พระที่ส่งเข้าประกวดนั้นซื้อมาจากเซียนคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในทีมกรรมการติดสินพระนั่นแหละหรือไม่คนขายให้มาก็มีชื่อชั้นดีพอสมควร กรณีนี้ก็มีให้พบเห็นอยู่บ้างว่าตอนแรกส่งไปแล้วไม่รับแต่พอบอกว่าซื้อมาจากเซียนคนนั้นคนนี้ ส่งมาสามงานแล้วไม่มีงานไหนรับเลยถ้างานนี้ไม่รับอีกจะเอาพระไปคืนแล้วล่ะ คนรับพระก็ถือพระเข้าไปด้านในปรึกษากันสองสามคนกรอกตากันไปมาพยักเพยิดกันหงึกๆหงักๆ สักพักก็กลับออกมาแล้วบอกว่ารับพระองค์นั้นเข้าแล้ว แถมตอนกลับออกมาติดโบว์สีเหลืองออกมาด้วยอีกต่างหาก หุ หุ อีกสามสิบวันก็จะมีหน้าโฉนดส่งมาให้ชื่นชมโสมนัสถึงบ้านอีกด้วย ปลื้มใจไม้ละครับ
แล้วเช่นนี้ก็กลายเป็นสองกรณีใหญ่ๆแล้วที่ของไม่แท้ตามหลักสากลก็จะถูกรับเข้าสู่งานประกวดแล้ว แต่บางงานจะระบุความ “แท้-เก๊” ให้อย่างที่กล่าวถึงแล้ว แล้วอย่างนี้เราจะซื้อพระหรือเครื่องรางที่มีกล่องแบบที่ผ่านงานประกวดได้ไม้นี่ ? แหมก็ได้สิครับท่าน..ถ้าท่านดูเป็นและพิจารณาจากชิ้นงาน (องค์พระ หรือ เครื่องรางฯ)อย่างไม่เข้าข้างตนเองนั้นว่าแท้แน่ๆ ที่เล่าให้ฟังและเตือนท่านอยู่นี่ประเด็นก็คืออย่าให้แพ็คเกจจิ้งหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เขาเอาตั้งโชว์ไว้ให้เรามองเห็นอยู่นั้นมาหลอกหลอนเราได้ อย่างที่ว่าครับขนาดพระมีใบประกาศ(ใบฯแท้ด้วยนะ)บางองค์ก็ยังไม่แท้เลย ประสาอะไรกับอีแค่กล่องครับ
ผู้ที่เคยถ่ายทอดความรู้ให้ผมสองท่านพูดตรงกันเด๊ะๆเลยว่า หนังสือภาพรวมรายการพระชนะงานประกวดในงานต่างๆที่เราเคยเห็นเคยดูกันอยู่นั้น พระที่ได้ถ่ายรูปลงในนั้นยังมีพระเก๊ปะปนอยู่อีกมากเปอร์เซ็นต์ทีเดียว อาจารย์ทั้งสองท่านไม่ได้รู้จักกันแต่ประการใดและมีอายุคนละรุ่นแต่เตือนผมด้วยประเด็นเดียวกันเป๊ะเชียวครับ นัยว่ามิได้เป็นเรื่องไร้สาระและเป็นสิ่งที่พบเห็นกันมาในคนรุ่นต่อรุ่นด้วยซ้ำ

ส่งท้ายกันตรงนี้ว่าขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาความแท้ความเก๊จากชิ้นงานคือองค์พระหรือเครื่องรางฯที่อยู่ตรงหน้าเป็นหลัก แพ็คเก็จอ็อฟชั่นเสริมอย่างอื่นใดเช่นกล่อง ใบประกาศ หรือเลี่ยมทองทั้งหลายไม่สามารถช่วยท่านได้หากท่านตั้งอยู่ในความปรามาสและพร้อมจะปลงใจจะเชื่ออย่างเข้าข้างตนเองว่า เรากำลังโชคดีอย่างล้ำเหลือ “เนี่ยกำลังจะได้พระหลักล้านเพียงแค่จ่ายเงินหลักหมื่นหลักแสนเท่านั้น” อย่าคิดมากกับข้อผิดสังเกตและพิรุธต่างๆเล็กๆน้อยที่กำลังมองเห็นผ่านเลนส์ของแว่นขยายนี่เลย หากท่านละเลยต่อเครื่องหมายแสดงอันตรายเหล่านี้ ในที่สุดท่านอาจต้องเสียเงินแท้ๆแลกกับพระเก๊ๆจนได้สิน่า เอวัง



อ้างอิง:
http://www.dd-pra.com/forum/detail/96740/
http://www.web-pra.com/Forum/Topic/Show/27555/Page/1
http://www.komchadluek.net/detail/20140804/189537.html
http://yimpaen.com/w_view.php?w=webmastuu&p_id=100

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ปิดตาหลวงปู่เอี่ยมแท้ๆเป็นอย่างนี้ครับ องค์นี้ของอาจารย์รักษ์ ศรีเกตุ ครับผม ขออนุญาตอ้างอิงหน่อยครับ

คำถามข้างบนจากหัวข้อ อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกฉงนสนเท่ห์ไม่น้อยว่าไอ้เจ้าคนเขียนมันจะมาไม้ไหน ....   


ก็ไม่มาไม้ไหนหรอกครับ เพียงแต่ว่าผู้เขียนเป็นนักสะสมของขลังที่นึกนิยมพระปิดตาในสายนี้ แ่ต่ปรากฏว่าช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2534 เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ผีจับยัด" กันอย่างเอิกเกริก เราไปรู้ไปเห็นเข้าก็ทนไม่ได้ จิตวิญญาณของผู้รักความยุติธรรม มันเดือดปุดๆ  เลยต้องออกมาเตือนกันสักหน่อย เก๊าะผ่าน blog นี้นี่ไงล่ะท่าน blog นี้มันอาจจะยาวสักหน่อย จึงต้องตัดออกเป็นตอนๆไป ตามความหมั่นเพียรของผู้เขียนเองล่ะครับว่าจะขี้เกียจหรือขยันเขียนมากน้อยเพียงใด เอ้าพูดปุ๊บตัวขี้เกียจเดินมาจับหลังปั๊บทันทีเลยแฮะ  แต่ยังไงวันนี้ (15 พ.ย. 2556) ต้องเอาสักตอนหนึ่งก่อน  เริ่มเลยแล้วกัน พระปิดตาวัดสะพานสูงที่เราๆท่านๆนิยมเล่นหากันก็จะมีของ 3 พระเถราจารย์คือ

 

1. หลวงปู่เอี่ยม 

2. หลวงปู่กลิ่น

3. หลวงพ่อทองสุข (หรือบางคนเรียกว่า หลวงปู่สุข ก็แล้วแต่)

ประวัติของอาจารย์แต่ละท่านหาอ่านเอาได้จาก google ครับ ขี้เกียจพิมพ์ง่่ะ!

ในตอนปฐมนี้จะกล่าวถึงพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมก่อนเป็นลำดับแรกครับ  พระปิดตาของหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูงนั้นถือเป็นยอดพระปิดตาที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในเบญจภาคีพระปิดตาเนื้อผงในอันดับที่สอง จะเป็นรองก็แต่พระปิดตาหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ จังหวัดชลบุรีเท่านั้น ด้วยความต้องการตลาดที่มีสูงมากต่อพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมนี้จึงเป็นแรงผลักดันให้มีราคาสูงตามไปด้วย และก็แน่นอนครับว่า ของเก๊ ของปลอม ของก๊อปปี้ หลายเกรด หลายฝีมือ หลายรุ่น ก็ได้หลั่งไหลเป็นเขื่อนแตกออกมาตอบสนองตามความต้องการตลาดอย่างที่ว่า ใครไม่แม่น ใครโลภ ใครงมงาย ก็ต้องโดนกันไปถ้วนหน้า อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เมื่อก่อนก็เล่นกันแบบพอหอมปากหอมคอพื้นๆ เอากันแค่หลักร้อย แต่เดี๋ยวนี้เล่นเอาพระเก๊มาติดรางวัลขายกันเป็นแสน  (แอบอิจฉาครับ เอาพระเก๊มาขายกันได้เป็นแสนๆ 5 5 5 ปรนเปรอ กิ๊กกันเพลินเลยนะ)

  • ผู้เขียนรู้ได้อย่างไรว่าขบวนการก๊อปเกรดเอ เริ่มกันตั้งแต่ 2534 

    อาฮ้า! ไม่ยากเลยครับ ก็ปี 2534 นั้นเป็นปีที่มีการแตกกรุของพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูงออกมาตามคำเรียกร้องของแฟนๆไงครับ หึ หึ หึ ที่จริงต้องเรียกว่าแตกออกมาเพื่อสนองความต้องการตลาดที่มีอย่างล้นหลาม มากกว่า

ในช่วงที่มีพระออกมาใหม่ๆเซียนส่วนใหญ่เขาเห็นแล้วก็เฉยๆกันครับเพราะของอย่างนี้เรียกว่าทางใครทางมัน ไอ้การสวดพระกันมันรังแต่จะสร้างเรื่องเดือดร้อนมาให้ตัวเองถึงว่าพระองค์นั้นจะเป็นพระเก๊ดูง่ายๆเขาก็เฉยๆ

แต่จากวันนั้นมาถึงจนวันนี้ (2556) พระปิดตากรุใหม่ที่เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจเล่นกัน ก็มีการบรรจุเข้าสู่รายการประกวดพระเครื่องกันหน้าตาเฉย ก็ว่ากันด้วยเรื่องผลประโยชน์นั่นแหละครับ เจ้ามือใหญ่ๆแหละตัวดี ปิดตาหลวงปู่เอี่ยมแท้ๆที่เรียกกันว่าพระกรุเก่า (ที่จริงพระหลวงปู่เอี่ยมเป็นพระที่ไม่ได้ลงกรุ สร้างแล้วแจกเลย) ตัวเองหาพระไม่ได้แต่มีใบสั่งของเข้ามา..โลภก็โลภ..ของก็หาไม่ได้เอาไงดีว๊ะ อืมมมม์...เอาว๊ะขายรุ่นผีจับยัดกรุนี่แหล่ะว๊ะ  อยากได้ตังค์เขานี่ พอมีความคิดอุบายตุ๋นยาจีนแล้ว จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตายัดลงในรายการประกวดให้ได้ พอยัดได้เสร็จพระตัวเองประกวดติดรางวัลออกมา คราวนี้พอใครบอกว่าเก๊ก็เอาใบประกาศโยนใส่หน้าให้เขาดูว่า เอ้านี่พระประกวดติดรางวัลมางานสมาคมฯ จะเก๊ได้ไง ใครว่าพระกูเก๊ว๊ะ (เดี๋ยวกระทืบแมร่....งงงงเรยยยย์)

 

  • รู้ได้อย่างไรว่าพระกรุใหม่เก๊  

    เอ้า ก็ไม่ยากอีกนั่นแหละ พระกรุใหม่ ไม่ได้หมายความว่าเป็น "พระใหม่" นี่พ่อคู้ณ!!! ถ้าเป็นพระที่ทันยุคหลังปู่เอี่ยม (ประมาณกว่า 120 ปีที่แล้ว) มันก็ต้องมีความเก่าให้ดูสิครับ ไม่เชื่อก็ดูรูปด้านบนนั่นปะไร  พระกรุใหม่ คือแตกกรุทีหลังแต่ไม่ได้เป็นพระที่สร้างเสร็จมาใหม่ๆ เข้าใจตรงกันนะ?! หรือจะเปรียบเทียบให้เข้าใจกับพระหูยานกรุใหม่ ซึ่งเป็นพระแตกกรุทีหลังแต่เป็นพระที่สร้างคราวเดียวกันมีความเก่าของเนื้อหาที่พิสูจน์ทราบได้ ตำหนิพิมพ์ทรงถูกต้อง อย่างนี้เล่นแล้วไม่มีอาการวัยรุ่นเซ็งครับ

  • เอาล่ะ! คราวนี้ผมถามกลับบ้างว่าเคยเห็นปิดตาหลวงปู่เอี่ยมกรุใหม่องค์ไหนบ้างไม้ ที่เห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นพระเก่า  (แหม....เนื้อใหม่สดออกปานนั้น) แถมถ้าเปรียบเทียบพิมพ์ทรง ก็จะเห็นความแตกต่างของวิธีการสร้างว่าพระโบราณๆมีวิธีการสร้างไม่เหมือนพระใหม่ๆครับ ลองสังเกตุเปรียบเทียบดูสิ แล้วคิดตามดูว่าที่พูดมานั้นจริงหรือไม่จริง

  • ข้อสังเกตุมีอยู่ตรงที่ว่า พระเก๊ชุดนี้ ทำออกมาโดยคนมีความรู้เรื่องพระเครื่องครับ คือเนื้อหานั้นทำได้แบบที่เรียกว่าพอใช้ได้หรือเรียกว่า"ดี"ในระดับหนึ่ง(ถึงจะไม่เหมือน 100%) แต่อย่างไรก็ดี ธรรมชาติยังปราณีมนุษย์เสมอที่เรื่องความเก่านั้นมันยังทำกันไม่ได้ ไม่งั้นผมต้องลาวงการนี้แล้วล่ะครับ ส่วนเรื่องพิมพ์ทรงนั้นก็เป็นอีกเรื่องก็ถ้าหากใครแม่นก็จับสังเกตุได้เช่นกันเพราะพระเก๊ชุดนี้เป็นพระที่แกะและกดพิมพ์ใหม่ จึงมีความแตกต่างกันกับของแท้ครับ บางส่วนบางจุดมันถูกเน้นทำให้เห็นเด่นชัดเกินไปไม่ใช้เกิดขึ้นเองแบบธรรมชาติตามแบบของแท้ๆ

เป็นไงกันบ้างครับสำหรับตอนแรก กระท้อนหวานไม่ได้เจาะรายละเอียดถึงวิธีการดูพิมพ์อย่างนั้นดูเนื้ออย่างนี้ ผู้อ่านสามารถหาข้อมูลเหล่านั้นได้จากอินเตอร์เน็ตได้อยู่แล้วครับ (แต่บางทีก็ลำบากเหมือนกันเพราะตอนนี้ของเก๊ของแท้มันปนเปเผสผสมฟีเจอริ่งกันไปหมด )  แล้วลองนำข้อมูลพวกนั้นมาเทียบกับภาพพระแท้องค์ที่อ้างอิงในบล็อกนี้ดูครับว่าข้อมูลไหนถูกหรือผิดอย่างไร ผมอยากให้นักสะสมรุ่นใหม่ๆหัดลองเป็นคนช่างสังเกตุดูครับ เพราะหากเราสังเกตุอย่างละเอียดถี่ถ้วนย่อมได้ข้อพิจารณาที่จะช่วยให้เราพบความจริงในที่สุดนั่นเอง แล้วพบกันใหม่ในตอนที่สอง ปิดตาหลวงปู่กลิ่น รับรองระดับความเก๊ครับ ว่า "เก๊สะบัด" "เก๊สะบั้น" "เก๊แหลก" "เก๊สุดขั้ว" ใครไม่อ่านระวังโดนเก๊เดี๋ยวจะหาว่ากระท้อนหวานไม่บอกไม่ได้นะครับ      

                      สวัสดี

 

 

 

 

 

 

  •